อย่าเพิ่งคิดลึก "โต๊ะข้างเตียง" ครับผม ทำใช้เองสักตัว เอาง่ายๆ แค่วางของได้ ลิ้นชักไม่ต้องมี อยากได้สไตล์เรียบๆ บวกดิบนิดนึง ผมมีไม้จากเฟอร์นิเจอร์เก่าพอใช้ทำพื้นโต๊ะได้ ส่วนขาโต๊ะ จะซื้อไม้สนขายเป็นมัดๆจากคลองเตย เป็นไม้สนที่เขารื้อมาจากลังใส่สินค้า ไม้เนื้อละเอียดนิ่ม ทำงานง่าย
ไม้ชั้นวางของจากตู้ครัวเก่า รู้สึกว่าน่าจะเป็นไม้ยาง
เลือกแผ่นงามๆมาสักแผ่น ใช้ทำพื้นโต๊ะ |
ไม้สนคลองเตย ซื้อมา 3 มัด หน้ากว้าง 1 มัด หน้าแคบ 2 มัด
ไม้หน้าแคบนี่แหละครับจะใช้ทำขาโต๊ะ ส่วนไม้หน้ากว้างจะเก็บไว้ใช้งานอื่น
|
โต๊ะข้างเตียง เห็นภาษาอังกฤษ เขาเขียนว่า Nightstand, Night Table, Bedside Table แต่ละคำถ้าแปลตรงตัวเลยจะดูทะแม่งๆอยู่นะ ไอ้เราก็ไม่ใช่เจ้าของภาษา ว่าไงก็ว่าตามกัน งานนี้ไม่ซับซ้อนครับ ทำขาโต๊ะเสร็จแล้วเอาพื้นโต๊ะวาง ยิงสกรู จบ
รูตะปูเพียบ
ขอโป๊วอุดรูก่อนละกันครับ จริงๆเขามีแต่ทำเสร็จทั้งชิ้นงานก่อนค่อยโป๊ว ขัด ทำสี ไอ้เราก็ขอแหวกแนวนิดนึง 555 |
ผมใช้ "Wood Filler" อุดรูตะปู เป็นเนื้อครีมสำเร็จรูปมาเลย ไม่แข็งไม่เละจนเกินไป ง่ายมากอุดๆปาดๆ รอให้แห้ง แล้วขัดด้วยกระดาษทราย จบ (เหมาะกับเราซะเหลือเกิน) เมื่อก่อนจะวุ่นหน่อย ต้องใช้ดินสอพองผสมสีฝุ่นโป๊วเอา ปัจจุบันยังมีใช้วิธีนี้กันอยู่ เรื่องงานโป๊วงานทำสีนี่ของปราบเซียนเลยนะครับ (ซึ่งไม่เหมาะกับเราเลย 555)
ตัดไม้ทำขาโต๊ะ ขาโต๊ะ 1 ข้าง ประกอบด้วยไม้ 4 ชิ้น ตัดปลาย 45 ํ (คิดว่าจะเท่ห์) ทีแรกจะใช้ "เลื่อยลอ" หรือ "เลื่อยปังตอ" (Back Saw) เพราะอยากตัดให้ได้ฉากทุกด้าน เวลาต่อกันตามแบบจะได้สนิทๆหน่อยเลื่อยแบบนี้บนสันใบเลื่อยจะมีเหล็กประกับเพิ่มความแข็ง ใบเลื่อยจะได้ไม่บิด และได้ดิ่งตลอดเวลาเลื่อย อนิจจา!?! เก็บไว้นานไม่เคยดูแล ฟันมันทื่อหมดแล้วครับ ถ้างั้นใช้ "เลื่อยลันดา" (Hand Saw) แทนก็พอได้ (ทำไมไม่เรียก Hand Back Saw ก็ใช้มือจับเหมือนกันไม่ใช่รึ??? 555)
ประกอบขาโต๊ะทั้ง 4 ชิ้นเข้าด้วยกัน ผมจะใช้ "แคลมป์เข้ามุม" (Corner Clamp) ช่วยจับไว้ก่อน แล้วค่อยขันสกรูด้วยไขควงมือธรรมดานี่แหละ ไม่ต้องใช้ไขควงไฟฟ้าที่กำลังสูงๆ เพราะไม้ค่อนข้างนิ่ม
ได้ขา 2 ข้างครบแล้ว เดี๋ยวเราจะยึดขาแต่ละข้างเข้าด้วยกันด้วยไม้คานกลาง 2 แท่งตามแบบ ผมจะยึดด้วยสกรูยาว 1 1/2" (หนึ่งนิ้วครึ่ง) และจะใช้ดอกสว่าน 2 ดอก ดอกเล็กใช้เจาะรูนำ เพื่อผ่อนแรงเวลาไขด้วยไขควง ดอกต้องขนาดเล็กกว่าขนาดสกรูพอสมควรนะครับ เดี๋ยวจะเกิดอาการที่เราๆเรียกกันว่า "เกลียวหวาน" (ในชีวิตไม่เคยทำเลยครับ มีแต่ปีนเกลียว 555) ส่วนดอกใหญ่จะใช้คว้านให้เป็นรูใหญ่กว่าขนาดของหัวสกรู เจาะไม่ลึกนะครับนิดเดียว แค่พอให้หัวสกรูจมลงไป เพื่อที่จะได้ใช้ Wood Filler อุดโป๊วรูให้เรียบร้อย
ในงานอื่นจะไม่ใช้ 2 ดอกแบบนี้แล้วนะครับ เพราะจะมีดอกแบบที่เจารูเล็กๆนำได้ พร้อมคว้านรูใหญ่ได้ในคราวเดียวจบ เรียกดอกสว่านแบบนี้ว่า "ดอกเจาะผายหัว"
ต่อไปก็เอาไม้พื้นโต๊ะมาขัดด้วยกระดาษทราย แล้วทาด้วย "แชล็ค" (Shellac) อันนี้ดีมากเพราะเป็นสูตรน้ำ อยากให้จางก็เอาน้ำเปล่าผสม พวกแปรงที่ใช้ทาก็ล้างด้วยน้ำเปล่าได้เช่นกัน (ไม่ต้องทนกลิ่นของทินเนอร์อีกต่อไป สุดยอด!?!) มีหลายสีให้เลือก ที่เห็นในรูปเป็นสีประดู่ เข้มปี๋โดนใจ
ในงานอื่นจะไม่ใช้ 2 ดอกแบบนี้แล้วนะครับ เพราะจะมีดอกแบบที่เจารูเล็กๆนำได้ พร้อมคว้านรูใหญ่ได้ในคราวเดียวจบ เรียกดอกสว่านแบบนี้ว่า "ดอกเจาะผายหัว"
"ไอ้ก้านยาว"
เป็นชื่อที่ผมใช้เรียกไขควงคู่บารมีผมเลย
ตัวนี้ผมรักมาก ความยาวได้ ด้ามจับกระชับมือ หัวเป็นแม่เหล็ก
|
ต่อไปก็เอาไม้พื้นโต๊ะมาขัดด้วยกระดาษทราย แล้วทาด้วย "แชล็ค" (Shellac) อันนี้ดีมากเพราะเป็นสูตรน้ำ อยากให้จางก็เอาน้ำเปล่าผสม พวกแปรงที่ใช้ทาก็ล้างด้วยน้ำเปล่าได้เช่นกัน (ไม่ต้องทนกลิ่นของทินเนอร์อีกต่อไป สุดยอด!?!) มีหลายสีให้เลือก ที่เห็นในรูปเป็นสีประดู่ เข้มปี๋โดนใจ
ลองเอาไม้พื้นโต๊ะมาวางบนขา อ้าว!?! ได้สีแบบ 2 โทน
ก็สวยไปอีกแบบ แต่ยังไงก็ขอยึดมั่นในอุดมการสีประดู่เข้มปี๋ต่อไปดีกว่า
|
ยึดพื้นโต๊ะกับขาด้วยสกรู โป๊วรูสกรู ขัดให้เรียบร้อย ทาสีโลด เสร็จแล้ว
มาถึงทีเด็ด!?! อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าอยากให้ดูดิบๆ เก่าๆ แนว "Old Taste Style" เจ้าเหล็กฉากนี่แหละครับจะเป็นตัวช่วย ตอนผมทาแชล็คจะทาทับเจ้าเหล็กนี้ไปเลย พอเริ่มแห้งแล้วค่อยเอากระดาษทรายเบอร์ละเอียดมากๆ ขัดออก แล้วใช้ Cotton Bud จุ่มน้ำยาหยุดสนิม ทาเข้าไป ซำ้ไปมาสัก 2 เที่ยว จะได้ Effect สีเทาเหมือนเหล็กเก่าๆ กันเลยทีเดียว
สีต่างกันเห็นๆ
|
ขอขอบคุณทุกท่านทีเข้ามาชมนะครับ
เรื่องงานไม้ไว้ใจผม
TMWoodMadness
No comments:
Post a Comment